วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

ขอทานเงินล้านกับคำสอนของพระอรหันต์จี้กง

อย่าเชื่่อในสิ่งที่เห็น เพราะสิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป 


พระอรหันต์จี้กง
คนเราบางทีก็มองอะไรจากเปลือกนอกมากเกินไปโดยไม่ได้มองส่วนที่ลึกลงไปในจิตใจ อย่างเช่น ขอทานที่บริจาคเงินล้านที่เป็นข่าวดังติดกันหลายวันทำให้นึกถึงพระอรหันต์ ศาสนาพุทธ์ นิกายมหายานรูปหนึ่งนามว่า จี้กง ตามตำนานเล่าว่าจี้กงเกิดในตระกูลของผู้มีอันจะกินแต่ภายหลังบวชเป็นนักพรตในสมัยราชวง ซ่งใต้ ชาวบ้านทั่วไปสมัยนั้นเรียกว่าหมอเทวดา เพราะมีความสามารถในการรักษาคนป่วยไข้ และให้ทานคนหิวโหยตกยาก  แต่ด้วยการที่ท่านเป็นพระที่ทานเนื้อสัตว์ ดื่มสุรา ชอบเล่นซุกซน ไส่เสื้อผ้าปะขาดหลุดลุ่ย ราวกับวนิพกพเนจร ไม่มีภาพของพระที่ควรสัญโดษ จนท่านมีสมญานามอีกอย่างหนึ่งคือ พระบ้า  แต่แล้วจี้กงที่มีความประพฤติกรรมไม่น่านับถือ แต่คนกลับเข้าถึงคำสอนของจี้กงว่า แท้จริงท่านคือคนที่ตื่นแล้ว และปถุชนก็พึงสดับในโอวาทท่านอย่างตั่งใจ จนคำสอนบทหนึ่งที่ได้รับการเผยแพร่มาถึงปัจจุบัน

ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมที่ลิขิต (ละชั่วทำดี )                    วอนขออะไร
วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ของวันพรุ่งนี้                                                     กลุ่มเรื่องอะไร
ไม่เครพพ่อแม่แต่เครพพุธองค์                                                       เครพทำไม
พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา                                                            ทะเลาะทำไม
ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต                                                ห่วงใยทำไม
ชีวิตย่อมมีโอกาสสำเร็จได้                                                            ร้อนใจทำไม
ชีวิตใช่จะเห็นรอยยิ้มกันง่าย                                                          ทุกข์ใจทำไม
ผ้าขาดแล้วปะกันหนาวได้                                                             อวดโก้ทำไม
อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร                                                 อร่อยไปใย
ตายแล้วบาทเดียวเอาไปไม่ได้                                                      ขี้เหนียวทำไม
ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนข้างหลัง                                              โกงกันทำไม
โอกาสจะกลายเป็นเสีย                                                                 โลภมากทำไม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศรีษะเพียง 3 ฟุต                                           ข่มเหงกันทำไม
ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน                                         หยิ่งผยองกันทำไม
ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต                                          อิจฉากันทำไม
ชีวิตลำเค็ญเพราะเมื่อก่อนไม่บำเพ็ญ                                            แค้นใจทำไม(บำเพ็ญไวๆ)
นักการพนันล้วนตกต่ำ                                                                   เล่นการพนันกันทำไม
ครองเรือนด้วยการขยันประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น                     สุรุ่ยสุร่ายกันทำไม
จองเวรจองกรรมเมื่อไหร่จะจบสิ้น                                                อาฆาตกัทำไม
ชีวิตเหมือนเกมหมากรุก                                                                คิดลึกกันทำไม
ฉลาดมากเกินจึงเสียรู้                                                                   รู้มากทำไม
พูดเท็จ ทอนบุญ จนบุญหมด                                                        โกหกทำไม
ดีชั่วย่อมรู้กันไปในที่สุด                                                                โต้เถียงกันทำไม

อิสระทางการเงิน กับอิสระทางจิตใจ ใครมีสองสิ่งนี้ก็ถือว่าเกิดมาชาตินี้คุ้มแล้ว

         บางคนมีเงิน แต่ไม่รู้จักใช้เงิน มีคนบอกเขาว่าเขาคือ คนโง่ที่ใช้เงินไม่เป็น





          เขาจึงตอบว่า บางคนที่มีเงิน แต่ไม่สึกว่าขาดอะไร มีความสุขได้โดยไม่ใช้เงิน
หากหาเงินเพื่อซื้อความสุข ก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่วิ่งไล่งับหางตัวเอง ที่จะต้องตกเป็นทาสเงินไปจนตาย เพราะหาได้เท่าไหร่มันก็ไม่มีวันพอ
ส่วนตัวเขานั้นหาเงินเพื่อซื้อเวลา เมื่อถึงวันหนึ่งเงินทำงานแทนได้ ก็จะใช้ชีวิตอิสระไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะชีวิตคนเรานั้นแสนสั่นนัก  มีอะไรให้ทำอีกมากมาย จะใช้เวลาทั้งชีวิตหาเงินไปทำไม ตายไปก็ไม่ได้อะไรตอบแทน ถึงเงินไม่ใช้ทุกอย่างในชีวิต แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิต แล้วคุณล่ะ อยากเป็นทาสเงิน หรือ ให้เงินเป็นทาสแทน แต่ถึงแม้คุณไม่เลือกสักข้อ การใช้ชีวิตของคุณ วิธีคิดของคุณ มันเป็นตัวกำหนดอยู่แล้ว ว่าคุณต้องเป็นหนึ่งในนั้น ยกเว้นคุณจะบวชแล้วละซึ่งทุกสิ่งในโลกใบนี้ได้จริง หรือไม่ก็ไม่มีลมหายใจ  ส่วนคนอื่นจะมีทัศนคติในการใช้ชีวิตอย่างไรนั้นมันก็แล้วแต่เขาเพราะ คนเรามีเส้นทางไปสู่ความพึงพอใจแตกต่างกัน หากใครไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกับเราก็ไม่ได้แปลว่าเขาหลงทาง

ขอให้วันนี้เป็นวันธรรมดา ที่งดงามสำหรับเธอนะ